ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ ศาลได้ชี้มูลความผิดของแอม โดยระบุว่าเธอมีเจตนาในการฆ่าน.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ‘ก้อย’ อายุ 32 ปี ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดจากการที่แอมได้ทำการปลอมปนสารพิษลงในอาหารหรือน้ำดื่มของเหยื่อ ทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างรุนแรง
ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามี และอดีตรองผกก.สภ.สวนผึ้ง จำเลยที่ 2 ศาลพิจารณาโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือ ทนายพัช จำเลยที่ 3 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา รวมถึงชดใช้เงินแก่มารดาของก้อยผู้เสียชีวิตจำนวน 2.4 ล้านบาท
ย้อนรอย ทนายพัช ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ เข้ามาดูแลคดีให้แอม
ในช่วงปี 2566 ทนายพัช เข้ามาดูแลคดีให้ นางสรารัตน์ (แอม) พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกความ ซึ่งขณะนั้น คดีแอม ไซยาไนด์ ขณะนั้นตกอยู่ท่ามกลางความสนใจของสังคมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่าทนายพัชเคยว่าความให้แอมชนะคดีฉ้อโกงมาแล้วในอดีต
ต่อมาตัว ทนายพัช ถูกแจ้งข้อหา “ช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงโดยการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด” หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบให้การช่วยเหลือ แอม ในคดีวางยาฆ่าชิงทรัพย์ “ก้อย” ก่อนจะตั้งทนายสู้คดี และปฏิเสธข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามศาลมีความเห็นว่า ทนายพัช จำเลยที่ 3 ได้ใช้ หรือยุยงส่งเสริม พ.ต.ท.วิฑูรย์ จำเลยที่ 2 เพื่อมิให้เจ้าพนักงานตำรวจติดตามหาทรัพย์ของผู้ตาย (ก้อย) เพื่อเป็นการช่วยเหลือ แอม สรารัตน์ จำเลยที่ 1 มิให้ต้องรับโทษตามกฎหมาย หรือให้ได้รับโทษน้อยลงอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย